ลูกจ้างต้องรู้ ใครที่ตกงาน เลิกจ้าง ลาออก สามารถขอรับเงินได้ 45,000 บาท เพียงทำตามนี้

สิทธิประโยชน์ ลูกจ้างต้องรู้ ใครที่ตกงาน เลิกจ้าง ลาออก สามารถขอรับเงินได้ 45,000 บาท เพียงทำตามนี้ เริ่มต้นที่เตรียมเอกสารเดินไปที่สำนักงานประกันสังคมใกล้บ้าน ซึ่งสิทธินี้มีครอบคลุมถึงแรงงานต่างด้าวในระบบที่ส่งประกันสังคมไม่น้อยกว่า 6 เดือนด้วย อย่าลืม!!! บอกต่อเพื่อนๆร่วมงานกันด้วย สำหรับเรื่องสิทธิประโยชน์ดีๆแบบนี้


  1. ลูกจ้างลาออกหรือถูกบังคับให้ลาออก : ลูกจ้างจะได้รับเงินก้อนนี้เพียงแค่ 13,500 บาทเท่านั้น (ประกันสังคมจ่าย 30% ของเงินเดือนแต่ไม่เกินยอดเงินเดือน 15,000 บาทเป็นเวลา 3 เดือน)
  2. ลูกจ้างถูกเลิกจ้างหรือไล่ออกโดยไม่มีเหตุ : ลูกจ้างจะได้สิทธิรับเงินก้อนนี้สูงสุดถึง 45,000 บาททีเดียว (ประกันสังคมจ่าย 50% ของเงินเดือนแต่ไม่เกินยอดเงินเดือน 15,000 บาท เป็นเวลา 6 เดือน)
หลักฐานประกอบหลักๆ คือ บัตรประชาชน , รูปถ่าย 1 นิ้ว 1 รูปและ สมุดบัญชีเงินฝากเท่านั้นเอง ถ้ามีหนังสือเลิกจ้างก็นำไปด้วย ถ้าหากไม่มีไม่เป็นไร และสำคัญที่สุดต้องยื่นภายใน 30 วัน นับแต่ตกงาน ถ้าไปช้าโดนตัดสินทันที ปรึกษากฎหมายฟรีที่ 1506รายละเอียดเพิ่มเติมเข้าไปอ่านได้ที่เว็ปของประกันสังคม (ย้ำนะ) ว่าภายใน 30 วัน เลยจากนั้นก็หมดสิทธิ ใครตกงานตอนนี้รีบๆ ไปติดต่อได้เลย อย่างน้อยก็มีเงินไปทำทุนต่อยอดอาชีพอื่นกันต่อ



กรณีว่างงาน หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเกิดสิทธิ
  1. จ่ายเงินสมทบมาแล้ว 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนการว่างงานกับนายจ้างรายสุดท้าย หรือกรณีผู้ประกันตนว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัย
  2. มีระยะเวลาการว่างงานตั้งแต่ 8 วันขึ้นไป
  3. ผู้ประกันตนต้องขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (เว็บไซต์ https://empui.doe.go.th) ของสำนักงานจัดหางานของรัฐภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ลาออกหรือถูกเลิกจ้าง หรือสิ้นสุดสัญญาจ้างจึงจะมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานนับแต่วันที่ 8 ของการว่างงาน
  4. ต้องรายงานตัวตามกำหนดนัดผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (เว็บไซต์ https://empui.doe.go.th) ของสำนักงานจัดหางานไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ครั้ง
  5. เป็นผู้มีความสามารถในการทำงาน และพร้อมที่จะทำงานที่เหมาะสมตามที่จัดให้
  6. ต้องไม่ปฏิเสธการฝึกงาน
  7. ผู้ที่ว่างงานต้องไม่ถูกเลิกจ้างเนื่องจากกรณี มีดังนี้
  • ทุจริตต่อหน้าที่กระทำผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง
  • จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
  • ฝ่าฝืนข้อบังคับ หรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงาน หรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายในกรณี ร้ายแรง
  • ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลา 7 วันทำงานติดต่อกัน โดยไม่มีเหตุอันควร
  • ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
  • ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษา
  • ต้องมิใช่ผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ

เงินทดแทนในระหว่างการว่างงาน ดังนี้
  • กรณีถูกเลิกจ้าง : ได้รับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานปีละไม่เกิน 180 วัน ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ย โดยคำนวณจากฐานเงินสมทบขั้นต่ำเดือนละ 1,650 บาท และฐานเงินสมทบสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาทตัวอย่างเช่น ผู้ประกันตนมีเงินเดือนเฉลี่ย 10,000 บาท จะได้รับเดือนละ 5,000 บาท (รายละเอียดย่อย ตามด้านบน)
  • กรณีลาออกหรือสิ้นสุดสัญญาจ้างตามกำหนดระยะเวลา : ได้รับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานปีละไม่เกิน 90 วัน ในอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้างเฉลี่ย โดยคำนวณจากฐานเงินสมทบขั้นต่ำเดือนละ 1,650 บาท และฐานเงินสมทบสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท ตัวอย่างเช่น ผู้ประกันตนมีเงินเดือนเฉลี่ย 10,000 บาท จะได้รับเดือนละ 3,000 บาท
  • ในกรณียื่นคำขอรับเงินทดแทนกรณีว่างงานเพราะเหตุถูกเลิกจ้าง หรือเหตุถูกเลิกจ้างและลาออกหรือ สิ้นสุดสัญญาจ้างเกินกว่า 1 ครั้ง ภายใน 1 ปีปฏิทินให้มีสิทธิได้รับเงินทดแทนทุกครั้ง รวมกันไม่เกิน 180 วัน แต่ในกรณียื่นขอรับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเพราะเหตุลาออกหรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง เกินกว่า 1 ครั้ง ภายใน 1 ปีปฏิทิน ให้มีสิทธิได้รับเงินทดแทนรวมกันไม่เกิน 90 วัน

หลักฐานที่ต้องใช้เพื่อขอรับประโยชน์ทดแทน กรณีว่างงาน
  1. แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน (สปส. 2-01/7)
  2. หนังสือรับรองการออกจากงานหรือสำเนาแบบแจ้งการลาออกจากงานของผู้ประกันตนออกจากงานของผู้ประกันตน (สปส. 6 -09) กรณีที่ไม่มีสำเนา สปส.6-09 ก็สามารถไปขึ้นทะเบียนกรณีว่างงานได้
  3.  หนังสือหรือคำสั่งของนายจ้างให้ออกจากงาน (ถ้ามี)
  4.  หนังสือรับรองการขอรับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน เนื่องจากเหตุสุดวิสัยกรณีเป็นผู้ประกันตนกรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัย
  5. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรกซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้ประกันตน ผ่าน 11 ธนาคาร ดังนี้
  • 1) ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน)
  • 2) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน)
  • 3) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน)
  • 4) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน)
  • 5) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
  • 6) ธนาคารทหารไทย จำกัด(มหาชน)
  • 7) ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)
  • 8) ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน)
  • 9) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
  • 10) ธนาคารออมสิน
  • 11) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
สถานที่ยื่นเรื่อง
  1. ผู้ประกันตนต้องขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานและรายงานตัวผ่านระบบอินเตอร์เน็ต(เว็บไซต์ www.empui.doc.go.th) ของสำนักงานจัดหางานของรัฐภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ถูกเลิกจ้างหรือลาออก หรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง และรายงานตัวตามกำหนดนัด เพื่อมิให้เสียสิทธิในการรับเงินทดแทน
  2. ยื่นแบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน (สปส. 2-01/7) ได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสาขาทั่วประเทศ (ยกเว้น สำนักงานใหญ่ในบริเวณกระทรวงสาธารณสุข) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทรสายด่วน 1694 ในวันและเวลาราชการ 08.30-16.30 น.
หมายเหตุ : ประโยชน์ทดแทนทุกกรณีเมื่อมีสิทธิต้องยื่นเรื่องรับเงินภายใน 2 ปี เว้นแต่ กรณีว่างงานผู้ประกันตนจะต้องยื่นขึ้นทะเบียนว่างงานที่สำนักงานจัดหางานของรัฐ ต้องยื่นสิทธิภายใน 30 วัน หลังจากถูกเลิกจ้างหรือลาออกจากงาน หากยื่นสิทธิเกินกว่า 30 วัน จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง และหากยื่นสิทธิเกินวันที่จะได้รับสิทธิไปแล้ว จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน

ขอขอบคุณแหล่งที่มา
สำนักงานประกันสังคม
สยามนิวส์
advertising

Share this

Previous
Next Post »