แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ธุรกิจส่วนตัว แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ธุรกิจส่วนตัว แสดงบทความทั้งหมด

ขนมถ้วย ขนมไทยสูตรทำง่าย ถ้วยเดียวไม่เคยพอ

วิธีทำขนมถ้วย สูตรขนมไทยในดวงใจที่ได้ตักขึ้นมากินทีไรถ้วยเดียวไม่เคยพอ แคะ ๆ กิน ๆ เผลอแป๊บเดียวกินจนหมดจาน แต่ถ้าใครอยากจะลองทำกินเองก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิดถ้ามีอุปกรณ์ครบ



สังเกตุไหมในสมัยนี้ขนมถ้วยกลายเป็นกิมมิกที่อยู่คู่ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือไปซะแล้ว ก็เล่นใส่พริกในก๋วยเตี๋ยวมาให้เผ็ด ๆ แบบนี้ก็ต้องจัดขนมถ้วยแกล้มไปสักหน่อย แต่เอาเป็นว่า ใครอยากกินขนมถ้วยโดยที่ไม่ต้องไปร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ หรือรอรถคุณป้าคุณลุงเข็นมาขาย วันนี้กระปุกดอทคอมก็ไม่ลืมที่จะนำวิธีการทำขนมถ้วยมาฝากจาก คุณ RinS Cook Book ลองทำกันดูนะ

ส่วนผสม หน้าขนม
• แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย
• น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
• เกลือป่น 1 ช้อนชา
• หัวกะทิ 2 ถ้วย

ส่วนผสม ตัวขนม
• แป้งข้าวเจ้า 3/4 ถ้วย
• น้ำตาลปี๊บ 230 กรัม
• แป้งมันสำปะหลัง 1/4 ถ้วย
• แป้งท้าวยายม่อม 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำลอยดอกมะลิ 1 1/4 ถ้วย (หรือน้ำผสมกลิ่นมะลิ)
• หางกะทิ 1/2 ถ้วย

อุปกรณ์
• ถ้วยขนมถ้วย (หรือถ้วยทนความร้อนสำหรับนึ่ง)
• ชุดนึ่ง

วิธีทำ ขนมถ้วย
1. ทำหน้าขนมโดยผสมแป้งข้าวเจ้า น้ำตาลทราย เกลือป่น และหัวกะทิเข้าด้วยกัน ใช้มือขยำส่วนผสมจนเข้ากันและไม่เป็นเม็ด จากนั้นนำไปกรองผ่านตะแกรง เตรียมไว้
2. ทำตัวขนมโดยผสมแป้งข้าวเจ้า น้ำตาลปี๊บ แป้งมันสำปะหลัง แป้งท้าวยายม่อม น้ำลอยดอกมะลิ และหางกะทิเข้าด้วยกัน ใช้มือขยำส่วนผสมจนเข้ากันจนน้ำตาลปี๊บละลายหมด จากนั้นนำไปกรองผ่านตะแกรง เตรียมไว้
3. นำถ้วยขนมไปนึ่งประมาณ 5 นาที (ป้องกันไม่ให้ขนมติดถ้วย)
4. เทส่วนผสมตัวขนมลงไปในถ้วย (ให้เกินครึ่งถ้วยเล็กน้อย) จากนั้นปิดฝานึ่งประมาณ 5 นาที พอครบเวลา ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้ประมาณ 1-2 นาที
5. เทส่วนผสมหน้ากะทิลงไปจนเต็มถ้วย นำไปนึ่งต่ออีกประมาณ 6-7 นาทีจนขนมสุก ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็นประมาณ 10 นาที
6. ค่อย ๆ ใช้ไม้พายหรือไม้ไศกรีมแช่น้ำแคะขนมออกจากถ้วย จักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

รู้อย่างนี้แล้วสาวกขนมถ้วยอย่างเราต้องขอตัวไปตลาดซื้อของมาทำแป๊บ !! จะกินให้พุงกางไม่แคร์ความอ้วนเลยสักนิด !

ขอขอบคุณที่มา
http://cooking.kapook.com/view103061.html

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
คุณ RinS Cook Book สมาชิกเว็บไซต์ยูทูปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก Rin Silpachai



วิธีทำนำ้เต้าหู (ทำดื่มได้ทำขายรวย) จากครัว ออลแลนด์

คลิบวิดีโอจากพี่เอ๋ ครัว ออลแลนด์ ด้วยเนื้อหาการทำน้ำเต้าหู้กินเอง เผลอๆทำขายได้ด้วย ที่มาสอนการทำน้ำเต้าหู้แบบละเอียดยิบ ลองทำตามดูสิแล้วคุณจะพบว่า คุณก็ทำได้


5 สินค้าเกษตรปลูกแล้วเห็นตังค์แน่ๆ

เดียวนี้กระแสการทำเกษตรเริ่มมีมากขึ้นหลายคนทิ้งชีวิตมนุษย์เงินเดิน แล้วหันหลังกลับบ้านตัวเอง ไปอยู่กับพ่อแม่ บางคนทำกิจการของครอบครัว บางคนเอาดีทางด้านเกษตรกร และอีกหลายคนที่มุ่งมั่นอยากเป็นเกษตรกรแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนดี วันนี้ผมไปเจอเนื้อหา 5 สินค้าเกษตรปลูก แล้วรวยแน่ๆ จากเวปไซต์ http://thaiquote.org/ เลยเอามาแบ่งปันให้เพื่อนๆได้ลองอ่านเนื้อหากันครับว่า มีพืชตัวไหนบ้างที่เราพอจะปลูกได้ และที่แนะนำมา ปลูกง่ายด้วยนะครับ

ตะไคร้
เป็นพืชเกษตรที่กำลังมาแรงแซงทางโค้งเพราะใช้ได้ตั้งแต่โคนจรดปลาย ทำได้ตั้งแต่เครื่องต้มยำยันน้ำสุขภาพ โรงงานเครื่องแกงเสาะหากันจ้าละหวั่น ขนาดทำสัญญาซื้อขายตั้งแต่เตรียมดิน สนนราคาการันตีขั้นต่ำ กก.10-15 บาท ว่ากันว่าเกษตรกรบางคนมีรายได้จากการปลูกตะไคร้ขายมากถึงวันละ 30,000 บาท ปลูกง่ายรายได้ดีขนาดนี้ ไม่ทำไม่ได้แล้ว

กล้วย 
ขึ้นชื่อว่ากล้วยไม่ว่าจะเป็นกล้วยไข่ กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม หรือแม้กระทั่งกล้วยตากมีเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย มันเป็พืชที่ Never Die เพราะตลาดมีความต้องการสูงมาก โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่นกับจีนต้องมาจองกันถึงสวน ไม่ต้องมองอื่นไกล แค่ในบ้านเรา กล้วยหอมหวีสวยๆขายกันหวีละ 90-150 บาท ในคอนวีเนียนสโตร์ลูกละ 8 บาท ไม่พอขาย เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจที่เกษตรกรหลายคนจะหันไปปลูกกล้วยโกยรายได้ในช่วงน้ำแล้งแบบนี้

มะนาว 
พืชอีกชนิดที่ทำเป็นรายได้เป็นกอบเป็นกำ จะปลูกแบบเป็นไร่หรือปลูกในกระถางอ่างซีเมนต์ก็ได้ กรรมวิธีการปลูกไม่ยาก ถ้าได้พันธุ์ดีๆให้น้ำมาก เป็นที่ต้องการของตลาด สามารถขายได้ราคา ผลละ 4-5 บาท แหล่งระบายสินค้ามีตั้งแต่ตลาดสด ตลาดนัด ร้านเครื่องดื่ม ร้านอาหาร เรียกว่าถ้ามีแรงปลูกก็มีคนซื้อว่างั้นเถอะ
มะพร้าว 
กินสดก็ได้ แปรรูปก็ดี โดยเฉพาะมะพร้าวน้ำหอมของไทยขึ้นชื่อลือชาติดตลาดโลกโกยเงินเข้าประเทศปีละหลายพันล้าน ตลาดใหญ่ๆคือฮ่องกง มาเลเซีย สิงคโปร์ และยุโรป ยิ่งในปัจจุบันคนรุ่นใหม่มองข้ามมะพร้าวหันไปปลูกพืชชนิดอื่น เจ้าของสวนมะพร้าวเลยโกยเงินเพลิน เพราะคนปลูกน้อย แต่ความต้องการในตลาดมีมาก ประกอบกับตอนนี้มีเทคนิคปอกเปลือกกินได้ทั้งลูกก็เลยยิ่งได้รับความนิยม ขายกันลูกละ 20-30 บาท ว่ากันว่าตลาดต่างประเทศอย่างเกาหลีใต้วางขายในซุปเปอร์มาร์เก็ตลูกละ 70 บาท

มะม่วง 
ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหนมะม่วงก็ยังเป็นสินค้ายอดฮิตติดลมบน เป็นผลไม้มีอนาคต ถ้าทำดี ผลผลิตงาม รับรองพ่อค้าวิ่งมาจองซื้อถึงสวน กำไรก็ไม่มากไม่น้อย บวกลบต้นทุนเหลือประมาณไร่ละ 50,000 บาท ถ้าปลูกซัก 30 ไร่ก็ลองคูณว่าจะได้กำไรเท่าไหร่ ในต่างประเทศขายกันใบหนึ่งหลายสิบบาท เช่นมะม่วงน้ำดอกไม้ในญี่ปุ่นขายกันลูกละ 50 บาท เห็นแบบนี้ไม่ปลูกไม่ได้แล้ว แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าการจะปลูกพืชชนิดไหน ต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจ ไม่ใช่เห็นคนอื่นรวยเว่อร์ก็ทำตาม แบบนั้นนอกจากจะไม่ประสบความสำเร็จแล้ว ยังทำให้สินค้าล้นตลาดอีกต่างหาก
ที่มา : Thaiquote

พูดถึงนอกจากที่บอกกล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีพืชที่ทำเงินได้ไม่น้อยไปกว่าที่กล่าวข้างต้นเลย ในประเทศไทยมีหลายอย่างมาก ถ้ายังไงติดตามบทความหน้ากันครับว่าจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับพืชเกษตรชนิดไหนกันอีก รอบนี้ลองดูรายละเอียดแล้วลงมือปลูกกันเลยครับ 

ปลูกกล้วยหอมขาย มีกำไรไม่มีจน

กล้วยหอมทองเป็นพืชที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในจังหวัดชุมพรได้เป็นจำนวนมาก วันนี้ทีมงานรักบ้านเกิด จะมาแนะนำการจัดการสวนกล้วยหอมทองให้มีผลผลิตดีมีคุณภาพจากสวนของลุงตั้น เกสโร เกษตรกรแห่งพื้นที่ตำบลทุ่งคาวัด อำเภอละแม จังหวัดชุมพร


ประสบการณ์การปลูกกล้วยหอมทองมากว่า 15 ปี เริ่มต้นตั้งแต่กล้วยเริ่มตั้งท้องช่วง5-6 เดือน ก็เริ่มถอนหญ้ารอบโคนต้น ตัดหน่อไม่สมบูรณ์ออกเหลือไว้แต่หน่อที่สมบูรณ์ จากนั้นใส่ปุ๋ยอินทรีย์ 0.5 กก./ต้น ปุ๋ยขี้ไก่อัดเม็ด 1 กก./ต้น หลังจากนั้นเมื่อกล้วยเริ่มออกปลีให้ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 14-14-21 เพื่อบำรุงต้น ปริมาณ 0.5 กก./ต้น หว่านรอบโคนแล้วเอาหญ้ากลบ จากนั้นก็จัดการตัดแต่งเอาทางเสียออกให้เหลือต้นละ 4-5 ทาง การตัดแต่งทางจะช่วยให้ต้นสมบูรณ์ หนอนแมลงต่างๆไม่มารบกวน เมื่อถึงระยะเก็บเกี่ยวผลผลิตในช่วง8-10 เดือน ก็ตัดผลผลิตและตัดต้นเดิมออกแล้วมาเริ่มจัดการดูแลต้นใหม่ วนเวียนแบบนี้ตลอดก็จะทำให้เกษตรกรมีรายได้หมุนเวียนทั้งปี

แนวทางสำหรับที่ดินเพียง 1 ไร่ ทำได้ มีเงินใช้แน่นอน

ที่ดินเพียง 1 ไร่ อาจดูไม่มากมายนัก แต่หากมีการศึกษา จัดระเบียบกระบวนการคิด และวางแผนอย่างรอบคอบ เราก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า สามารถสร้างรายได้ และสร้างความสุขให้กับครอบครัวได้อย่างยั่งยืน ด้วยการทำ เกษตรผสมผสาน
พื้นที่ 1 ไร่ จะมีการแบ่งการใช้สอยออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนสำหรับสร้างที่อยู่อาศัย และส่วนสำหรับปลูกพืชผลทางการเกษตร โดยจากการศึกษาของคุณวีรยุทธ ศรีเลอจันทร์ (วิสาหกิจชุมชนเพชรพิมาย) จะแนะนำให้แบ่งพื้นที่ 1 งานสำหรับสร้างบ้าน และบ่อเก็บน้ำ และเหลือพื้นที่ 3 งาน สำหรับการเพาะปลูก เน้นการปลูกพืช 3 ระยะ คือ ระยะสั้น ระยะยาว และระยะยาว  
พืชระยะสั้น
เป็นพืชที่ใช้ระยะเวลาการปลูกสั้นๆ เน้นเก็บไว้ทานในครอบครัว และหากมีจำนวนมากเกินความต้องการ ก็สามารถนำมาขาย เพื่อเป็นรายจ่ายในชีวิตประจำวัน แต่เนื่องจากเรามีพื้นที่น้อย จึงต้องวางแผนการปลูก เลือกพันธุ์ผักที่เหมาะสม ราคาดี ใช้พื้นที่ทุกตารางนิ้วให้คุ้มค่า 
พืชระยะกลาง
เป็นไม้ผล และผลไม้ระยะกลาง ที่ต้องอาศัยระยะเวลาในการปลูก อาจเก็บผลผลิตได้ปีละ 1-2 ครั้ง หรือตามฤดูกาล เช่น มะนาว มะพร้าว มะละกอ กล้วย มะม่วง เป็นต้น โดยรายได้ส่วนนี้จะเก็บไว้สำหรับชำระหนี้ เป็นเงินออม หรือเป็นทุนในการซื้อเครื่องทุนแรงต่างๆ เช่น ระบบน้ำ หรือเครื่องตัดหญ้า เป็นต้น และด้วยข้อจำกัดของเนื้อที่ เราจึงต้องเน้นทำให้ผลผลิตออกในช่วงที่มีราคาแพง เช่น การปลูกมะนาวให้ออกลูกในช่วงหน้าแล้ง เดือนพฤศจิกายน-เมษายน ก็จะได้ราคาที่สูงขึ้น เป็นต้น 
พืชระยะยาว
เป็นกลุ่มไม้เศรษฐกิจ ที่ต้องใช้ระยะเวลาหลายปีกว่าจะสามารถเก็บเกี่ยว หรือใช้ประโยชน์ได้ เช่น สักทอง ยางนา ไม้เต็ง ไม้แดง หรือไม้ประดู่ เป็นต้น โดยต้นไม้เหล่านี้เราจะเน้นการปลูกตามแนวเขตแดน หรือปลูกเป็นรั้ว เน้นปลูกช่วงต้นฤดูฝน ซึ่งแนวชายแดนของพื้นที่ 1 ไร้ จะมีความยาวมากถึง 160 เมตร หากเราปลูกต้นไม้ในระยะ 2 เมตร/ต้น ก็จะได้ไม้เศรษฐกิจ 80 ต้น ในช่วงระหว่างที่ไม้เศรษฐกิจเหล่านี้กำลังเติบโต พื้นที่ระหว่างต้น ก็สามารถปลูกมะละกอ พันธ์ดีแซมระหว่างกลางได้ เช่น พันธ์แขกดำ แขกนวล พันธ์ต้นเตี้ย เพชรพิมาย เป็นต้น 
ในช่วงปีแรกรายได้ต่อเดือนอาจจะเป็หลักพันบาท แต่ในปีต่อๆไป เมื่อต้นไม้เริ่มโตขึ้น ออกดอก ออกผลมากขึ้น เราก็จะมีรายได้เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น เราควรต้องใช้ชีวิตแบบพอเพียง เรียบง่าย ไม่ใช้จ่ายเกินตัว 
ข้อดีของการปลูกพืชในพื้นที่น้อย
1. สามารถดูและ และควบคุมได้ทั่วถึง
2. ไม่จำเป็นต้องใช้แรงงานเยอะ สามารถทำเองได้ภายในครอบครัว
3. เนื่องจากมีเนื้อที่จำกัด จึงต้องปลูกพืชแบบผสมผสาน มีความเสี่ยงน้อย
4. เริ่มต้นแบบเล็กๆ เมื่อได้รับผลตอบแทนที่ดี และมีประสบการณ์มากขึ้น ก็สามารถขยายเพิ่มเติมได้ง่าย
ข้อมูลจาก : wisdomking.or.th , คุณวีรยุทธ ศรีเลอจันทร์

7 อาชีพเสริมหลังเลิกงานประจำ

7 งานเสริมที่น่าสนใจและพอเป็นแนวทางการหารายได้เพิ่มหรับเพื่อนๆที่ทำงานประจำครับ ที่มาจาก สยามอาชีพ



  1. ขายของตลาดนัด เป็นอาชีพเสริมยอดฮิตของคนเริ่มต้นหารายได้เสริม ข้อดีคือมันเป็นอะไรที่เห็นภาพชัดเจน และที่สำคัญอาชีพค้าขายเห็นเงินเร็วค่ะ หากอยากจะขายของควรมีเวลาว่าง 3-4 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ถ้าเวลาน้อยกว่านี้ก็คงเตรียมและขายไม่ทันแล้วแหละ
  2. ทำงาน Part time อันนี้จะต้องมีเวลาว่างที่สม่ำเสมอ ถึงแม้จะเลือกเวลาทำงานได้ แต่ชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยต่อสัปดาห์จะต้องเป็นไปตามเกณฑ์ของบริษัท (บางบริษัทกำหนดขั้นต่ำ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เป็นต้น) ซึ่งแต่ละบริษัทก็มีเงื่อนไขที่แตกต่างกันไปค่ะ ข้อดีคือเหมาะกับนักเรียนนักศึกษาเพราะมีเวลาว่างที่กำหนดได้ วันไหนไม่มีเรียนก็มาทำงาน part time ได้
  3. รับซ่อมแซมเสื้อผ้า หรือถ้าใครมีจักรเย็บผ้าด้วยยิ่งดี สามารถรับ ปะ,ซ่อมแซม, แก้ทรงได้สบาย อาชีพนี้ต้องอาศัยฝีมือสักหน่อย ถ้าฝีมือยังไม่ถึงขั้นแต่มีใจรักก็สามารถทำได้ไม่ยาก ใช้ทักษะจากที่เคยเรียนวิชางานบ้านตอนเด็กๆ และเรียนรู้เพิ่มเติมเอาจาก YouTube ข้อดีคือพอเลิกงานเราก็ไม่ต้องเสียเวลาไปทำงาน part time หรือขายของนอกบ้าน รีบกลับเข้าบ้านแล้วนั่งซ่อมเสื้อผ้า ได้พักที่ห้องสบายใจ แถมมีรายได้เข้ากระเป๋าด้วย
  4. รับจ้างรีดเสื้อผ้า การหาลูกค้าก็จากละแวกบ้านหรือจากหอพักนั่นเองค่ะ ทำโบรชัวร์ไปติดประกาศในลิฟต์ของหอ “เตารีด” อาจจะมีกันทุกบ้าน แต่ที่อาชีพนี้น่าสนใจเพราะหลายคนไม่มีแม้แต่ “เวลา”จะรีดผ้า ข้อดีคือไม่ต้องใช้พรสวรรค์เหมือนงานรับซ่อมเสื้อผ้า แต่การรีดเสื้อผ้าใครๆก็ทำได้ แถมอุปกรณ์เตารีดก็ไม่ต้องลงทุนซื้อใหม่ด้วย
  5. รับพิมพ์งาน ต้นฉบับอาจจะเป็น PDF ผู้ว่าจ้างจึงต้องการให้พิมพ์งานลงใน Microsoft word ข้อดีคือไม่ต้องลงทุนและไม่เสี่ยงขาดทุน ใครที่มีความสามารถในการพิมพ์ดีดอย่ารอช้านะคะ
  6. ทำงานฝีมือ สำหรับใครที่ชอบเย็บปักถักร้อย ชอบประดิษฐ์ของใช้น่ารักๆ ลองหัดทำงานฝีมือแล้วลงขายใน Internetดูนะคะ เริ่มต้นจากจุดเล็กๆที่เราชอบ ในช่วงเริ่มต้นอาจจะได้กำไรไม่เยอะ แต่ยังไงก็ยังมีข้อดี คือเราได้รับความสุขเต็มๆตั้งแต่เริ่มทำแล้วแหละค่ะ หลังจากนั้นเงินจะตามมาเอง
  7. เป็นตัวแทนขายสินค้า online เป็นตัวแทนขายเสื้อผ้าแฟชั่น หรือของที่ฮิตตามกระแส ข้อดีคือไม่ต้องสต๊อกสินค้าเอง แค่ขยันโพสต์ อัพรูปบ่อยๆก็หาเงินได้ไม่ยาก